วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Part 9 การเที่ยว+ความรู้ = มาหาคำตอบกันเถอะ

สวัสดีค่ะ ^^ กลับมาพบกันอีกแล้ว ซึ่งเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้เนอะ 
แต่วันนี้งดรีวิวนะคะ อยากแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนๆ บ้าง

การเที่ยว คือ การพักผ่อนหย่อนใจจากเรื่องราวที่วุ่นวายในชีวิตประจำวันของเรา การที่เราได้ไปเปิดหู เปิดหาและหาความสุขใส่ตัวโดยการเที่ยวในแบบที่เราชอบ

ความรู้ คือ ข้อมูล เนื้อหา ประสบการณ์ และอื่นๆ อีกมากมายซึ่งถือว่าเป็นความรู้ได้ทั้งนั้น
ในส่วนของความรู้นั้นก็มีด้วยกันหลายรูปแบบ ความรู้ที่ได้จากการศึกษาในสถาบันการศึกษา ความรู้ที่ได้จากคนอื่นบอกเล่า ความรู้ที่ได้จากการอ่านตำรา และอีกมากมาย

แต่มันจะดีไหมละ ? ถ้าการเที่ยวนั้นสามารถได้ความรู้ไปในตัวด้วย
เที่ยว+ความรู้ = การเที่ยวแบบมีความรู้ (ดูดีไหมละ อิอิ)

จาก Part นึงที่แอดมินเคยตั้งคำถามไว้ให้เพื่อนๆ ตอนนี้ทุกคนอาจได้คำตอบของตนเองแล้ว
ถ้าสำหรับคำตอบของแอดมินนั้นแอดมินคิดว่า

ถ้าเรารู้ทันเทคโนโลยีต่างๆ ลองศึกษาข้อดีและข้อเสียของมันว่าเอ๊ะ! เทคโนโลยีพวกนี้
มันทำอะไรได้บ้างนะ เรื่องประวัติศาสตร์ต่างๆ ถ้าเรารู้เราก็จะสามารถบอกเล่าให้คนอื่นฟังได้อย่าง
ภูมิใจว่าอย่างน้อยเราเกิดมาครั้งนึง เรื่องประวัติศาสตร์ของประเทศชาติตนเราก็รู้นะ

การที่เราจะพัฒนาสังคมได้นั้นเราต้องเริ่มจากการพัฒนาตนเองก่อน
เพราะอะไร ? การที่พัฒนาบุคคลก็จะก่อให้เกิดสังคมที่มีแต่คนที่พัฒนาตนแล้ว
นำความรู้ที่ตนนั้นมี ที่ได้จากการศึกษา การเรียนรู้มาต่อยอดกับชีวิตประจำวันของตน

ตัวอย่าง 

เราเรียนรู้เทคโนโลยีสมัยใหม่จากการเที่ยวพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ เราก็นำความรู้นั้นมาใช้ เช่น ใช้โทรศัพท์ Smart phone เหมือนกัน สามารถเข้าถึงข้อมูลได้เหมือนกันแต่คนนึงใช้สนองความต้องการของตน แต่อีกคนใช้เป็นสื่อในการเผยแพร่ข้อมูลช่วยตามหาคนหาย แชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์

เห็นไหมว่าผลที่ได้ก็จะต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนแรกได้แค่ความพอใจของตน แต่อีกคนได้สร้างประโยชน์ให้แก่บุคคลอื่น แล้วการที่จะพัฒนาสังคมได้เราต้องการคนแบบไหน ?

แอดมินอยากฝากบอกเพื่อนๆ ทุกคนว่า ทุกอย่างมันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
แต่เราเป็นคนกำหนดผลของมันได้ว่าจะให้ออกมาในทิศทางไหน

การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด ลองปล่อยมือวางจากหน้าจอโทรศัพท์ลงบ้าง
แล้วออกไปเที่ยวหาความรู้ใส่ตัวกันเถอะ ^^

Part 8 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร



วันนี้เราเข้ากรุงเทพฯ กันบ้างดีกว่า คุ้นๆ กันบ้างไหมเอ่ย ? อยู่ใกล้กับวัดพระแก้วฯ เลย
แต่เดิมเป็นวังหน้าของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับวังหลวง ประกอบพระที่นั่งที่สำคัญ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจัดแสดงศิลปโบราณวัตถุต่าง ๆ มากมาย อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทย และชาติเพื่อนบ้าน  นับเป็นพิพิธภัณฑสถานสำหรับประชาชนแห่งแรกของประเทศไทยสร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2402 จัดแสดงข้อมูลทางด้านประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ศิลปะ โบราณคดี และชาติพันธุ์วิทยา




เดินเข้าประตูพิพิธภัณฑ์มาทางซ้ายมือจะเป็นจุดจำหน่ายบัตร 
*อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท*


เมื่อซื้อบัตรเรียบร้อยแล้ว รออะไรละคะ ? ลุยยยยยยยย !!


พร้อมเรียนรู้ประวัติศาสตร์ต่างๆ รึยังเอ่ย ? จะพาย้อนยุคแล้วน๊าาาา อิอิ


พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ครึ่งองค์
พบที่ วัดเวียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
(๑,๒๐๐-๑,๒๕๐ ปีมาแล้ว)


ทับหลังภาพหงส์และลายซุ้มพันธุ์พฤกษา
พบที่ อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว
พุทธศตวรรษที่ ๑๓ (๑,๓๐๐ ปีมาแล้ว)


ศิราจารึกหลักที่ ๑ หรือ ศิราจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
พบที่ เนินปราสาทเมืองโบราณสุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย
จังหวัดสุโขทัย อักษรไทยสุโขทัย ภาษาไทย พุทธศักราช ๑๘๓๔


ทับหลังภาพวิษณุอนันตศายิน (นารายณ์บรรทมสินธุ์)
จากปราสาทกู่สวนแตง  อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์
ศิลปะแบบเขมรโบราณในประเทศไทย  พุทธศตวรรษที่ ๑๗ (๙๐๐ ปีมาแล้ว)


พระเศีรรพระพุทธรูป
ขุดพบในวิหารหลวง วัดพระศรีสรรเพชญ์
อำเภอ พระนครศรีอยุธยา  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ศิลปะอยุธยา พุทธศตวรรษที่ ๒๑ (๕๐๐ ปีมาแล้ว)





และภายในพิพิธภัณฑนั้นจะมีประวัติพระพุทธรูปของแต่ละองค์




๑.ศรีษะหุ่นหลวง ตัวพระ
กรมพิณพาทย์และโขนหลวง ส่งมาเพื่อพุทธศักราช ๒๔๖๙
ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๕ (๑๐๐ ปีมาแล้ว)
๒.พระยารักใหญ่ (ศรีษะหุ่นหลวง พระราม)
กรมพิณพาทย์และโขนหลวง ส่งมาเพื่อพุทธศักราช ๒๔๖๙
ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๔ (๒๐๐ ปีมาแล้ว)
๓.พระยารักน้อย (ศรีษะหุ่นหลวง พระลักษณ์)
กรมพิณพาทย์และโขนหลวง ส่งมาเพื่อพุทธศักราช ๒๔๖๙
ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๔ (๒๐๐ ปีมาแล้ว)
๔.ศรีษะหุ่นหลวง ตัวนาง
กรมพิณพาทย์และโขนหลวง ส่งมาเพื่อพุทธศักราช ๒๔๖๙
ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๕ (๑๐๐ ปีมาแล้ว)


พระตำหนักแดง

เป็นสถานที่จัดแสดงสิ่งของส่วนพระองค์ สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีในรัชกาลที่ ๒
และสิ่งของเครื่องใช้ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์แต่ในอดีต



ภายในก็จะประกอบด้วยสิ่งของ เครื่องใช้เปรียบเสมือนห้องบรรทมนั่นเอง



ในส่วนนี้จะเป็นในเรื่องของการวิวัฒนาการของมนุษย์ตั้งแต่สมัยยุคโบราณ


มีแบบจำลองโครงสร้างกระดูกของมนุษย์และประวัติการพัฒนา


จากถาพด้านบน คือ พิธีกรรมการฝั่งศพของคนถ้ำ
ในสมัยยุคหินนอกจากถ้ำจะเป็นที่พักอาศัยแล้วยังเป็นุสานอีกด้วย การฝังศพของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์โดยใช้โลงศพไม้ การปลงศพที่ไว้ในโลงไม้แล้วนำไปวางไว้ตามถ้ำที่มักพบบนหน้าผาสูง ลักษณะโลงไม้จะเป็นท่อนซุงที่ขุดเนื้อไม้ข้างในออก ส่วนหัวและท้ายแกะเป็นรูปคล้ายๆ ศรีษะคนหรือสัตว์



มีประวัติในสมัยก่อนตั้งแต่การเริ่มปั้นหม้อดินเผาต่างๆ วิถีชีวิตของคนในสมัยก่อน



ในส่วนนี้จะเป็นในเรื่องของยุคสมัยที่มีสงคราม มีแบบจำลองอาวุธในสมัยก่อนและเครื่องใช้การแต่งกายในการออกรบ


เป็นราชรถอีกองค์หนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่ออัญเชิญพระศพ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ในงานพระเมรุคู่กับสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี ซึ่งทรงใช้พระมหาพิชัยราชรถ พ.ศ. 2342


สัตว์หิมพานต์ 
การนำรูปสัตว์หิมพานต์มาตั้งประดบพระเมรุเป็นธรรมเนียมที่สืบมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เพื่อแสดงสัญลักษณ์ของเขาพระเมรุ ที่เป็นแกนแห่งจักรวาลและเป็นที่ตั้งของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตามธรรมความเชื่อด้านคติจักวาลของไทยเรา


วันที่แอดมินไปมีทัศนศึกษาอยู่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งแอดมินได้ลองยืนฟังการบรรยายสักพัก
โอ้โหอึ้งมากค่ะ !! คนที่บรรยายคือนักเรียนด้วยกัน ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีมากจนแอดมินแอบคิด
เก่งขนาดนี้ทำงานเลยยังได้ ข้อมูลแน่นมาก ปรบมือรัวๆ ให้กับอนาคตของชาติเราหน่อยค่ะ ^^





นี่คือภาพบรรยากาศในพิพิธภัณฑ์ วันที่แอดมินไปพระมาศึกษาเยอะมาก
เพราะง่ายๆ เลย ที่นี่คือแหล่งรวมความรู้ประวัติศาสตร์ของไทยในทุกๆ เรื่อง

สุดท้ายแต่ยังไม่ท้ายสุดแอดมินอยากฝากให้เพื่อนๆ เก็บไว้เป็นตัวเลือกในใจเพราะนอกจาก
เราจะได้ความรู้ในเรื่องของประวัติศาสตร์แล้ว เรายังได้เปิดโลกทัศน์ที่กว้างขึ้นด้วย

 เปิดให้บริการวันพุธ-วันอาทิตย์ หยุดวันนักขัตฤกษ์ (ยกเว้นเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์) 
เวลา 09.00-16.00 น.

ยังมีบริการนำชมฟรี โดยอาสาสมัครพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ทุกวันอาทิตย์ 2 รอบ รอบเช้า 10.00-12.00 น. รอบบ่าย 13.30-15.30 
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2224-1333

แผนที่



Part 7 ความรู้ในต่างแดน



สวัดีค่ะ วันนี้แอดมินขอนอกเรื่องนิดนึงแต่ก็ยังอยู่ในเรื่องของการเรียนรู้นะคะ
เอ๊ะ ? งงไหมเอ่ย เอาเป็นว่ามีประโยชน์แน่นอนค่ะ

ชื่อบล็อก คือ เที่ยวอย่างไรให้ได้ความรู้ ? รีวิวแหล่งความรู็ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
แต่วันนี้แอดมินอยากพาแอบออกนอกประเทศนิดนึง มันอดใจไม่ไหวนี่นา
อยากจะแชร์เรื่องราวที่แอดมินได้ไปสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่มาที่น่าตื่นเต้น


แท่น แทน แท๊นนนน แอดมินได้มีโอกาศไปประเทศเวียดนามมา
เลยคิดว่าเอ๊ะ ! บล็อกเราก็เกี่ยวกับความรู้นี่นา (แม้ Part นี้มันจะเกินขอบเขตออกนอกประเทศไปเลย)
แต่ก็คิดว่าเก็บไว้คงเสียดายเกร็ดความรู้ที่ได้มาแน่ๆ 

แอดมินได้ไปมา 3 เมืองด้วยกัน จะขอเล่ารวมๆ แล้วกันเนอะเดี๋ยวมันจะยืดเยื้อจนน่าเบื่อ


ที่แรกเลยก็คือ สวนดอกไม้แห่งเมืองดาลัด ซึ่งขออธิบายก่อนว่าเมืองดาลัดนั้นเป็นเมืองหนาว
ให้อารมณ์เหมือนฤดูหนาวบ้านเราทางภาคเหนือเลย 




เมื่อเข้ามาแล้วจะเห็นได้ว่าภายในสวนดอกไม้นั้น แอบมีเครื่งเล่นให้เล่นด้วย 
มีร้านขายน้ำหลายร้าน ไอศครีมก็มีนะคะ แต่นาทีนั้นแอดมินสั่นหงิกๆ คงกินไม่ไหวแน่ๆ





อันนี้เรียกว่าดอกหรือต้นอะไรแอดมินไม่แน่ใจแต่ที่รู้ๆ เห็นมีอยู่แทบทุกเมืองเลย
มีสีเหลืองอ่อน ฟ้าอ่อน ม่วงอ่อน ชมพูอ่อน (แนวๆ สีพาสเทลเลย)


ภายในสวนนั้นมีบันไดให้ลงหลายทางมาก ซึ่งแล้วแต่ความสะดวกของบุคคลเน้าะ
เพราะแอดมินไม่ได้ลงไปสุดเลย มีเวลาจำกัดเลยสำรวจไม่ทั่วเลย





ถึงจะหนาวแต่ก็มีกระบองเพชรด้วยนะ เหมือนจะดูไม่ชุ่มชื้นใช่ไหม ? แต่ไม่คะ
อุดมสมบูรณ์มาก 


มองไปทางไหนก็มีแต่ดอกไม้ สวยๆ ทั้งนั้นเหมือนภาคเหนือบ้านเราไหม อิอิ




ก่อนกลับแอดมินมีภาพน่ารักๆ มาฝากมีเด็กๆ มาทัศนศึกษา เดินร้องเพลงประจำของกลุ่ม
จับมือกันเป็นคู่ๆ ด้วย เดินผ่านก็บ๊ายบายให้แอดมินกับเพื่อนกันทุกคนเลย 



หลังจากเที่ยวสวนดอกไม้เสร็จแล้ว แอดมินก็ไปแวะทานข้าวที่ร้านอาหาร น่ากินไหมเอ่ย?
แต่รสชาติอาหารบ้านเขาจะตรงกันข้ามกับบ้านเราเลย เพราะ เขากินจืดเรียกได้ว่าสุขภาพคงดีสุดๆ
แต่สำหรับคนกินรสจัดอย่างแอดมินแล้ว ต้องพึ่งพริก น้ำปลาตลอดเลย
แต่พริกน้ำปลาที่ว่าเนี่ยไม่เหมือนบ้านเรานะคะ เสียดายไม่มีรูป คล้ายๆ เกลือ+พริกแบบน้ำส้มสายชูบ้านเรา 


เสร็จแล้วแอดมินก็ได้วัดหนึ่ง ขาไปแอดมินได้ขึ้นกระเช้า วัดแห่งเมืองหนาว ^O^




บรรยากาศภายในวัดนั้นร่มรื่นมากแถมยังอยู่ในเมืองหนาวอีกนี่นา
มีป้ายกำกับ คำเตือนอยู่อย่างชัดเจน วันที่แอดมินไปคนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่


ประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่รถจักรยานยนต์เยอะมากกกกกกกกก
ที่ว่าเยอะ เยอะแค่ไหน ? เหมือน 80 เปอร์เซ็นของประเทศเลยก็ว่าได้ แต่ต่างกับบ้านเรา
อย่างเห็นได้ชัดคือ เวลาข้ามถนนเดินไปเลยแต่ช้าๆ รถจะหลบเราเอง
ซึ่งสำหรับแอดมินมันยากมาก ก็คนมันกลัวนี่เน้าะ 55555


ภาพบรรยากาศตอนถ่ายอาหารบนเรือ ซึ่งภาพที่เห็นไม่ใช่เรือที่แอดมินทานอาหารเย็น
แต่ดันไม่มีภาพบรรยากาศในเรือของแอดมินซะงั้น มัวแต่ทานกับชมบรรยากาศจนเพลิน


ปล. เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ควรข้ามเนื้อหาตรงนี้ไป ที่แอดมินทึ่งคือ เบียร์เวียดนามคิดเป็นเงินไทย
เพียงแค่ 16 บาทเท่านั้น อึ้งไหมละ ? แค่ลองชิมเฉยๆ นะคะ ไม่ได้มีเจตนาจะแนะนำ
แต่พอดีมีภาพและอยากแชร์ว่าเห้ยมันถูกมากค่ะเพื่อนๆ 


จริงๆ แล้วแอดมินไป 4 วัน 3 คืน แต่กลัวว่าจะยาวยืดจนน่าเบื่อเลยย่อมาให้เพียงเท่านี้
แต่สิ่งที่แอดมินอยากจะบอกวันนี้ คือ Part นี้ไม่ใช่การรีวิวแต่เพียงแค่แชร์ประสบการณ์



สิ่งที่แอดมินได้กลับมาจากประเทศเวียดนามครั้งนี้ นั่นก็คือ แอดมินได้เรียนรู้วัฒนธรรมหลายๆ 
อย่างของบ้านเขา ทั้งในเรื่องของอาหารการกิน ความเป็นอยู่ และอื่นๆ อีกมากมาย
ที่ปกติเราอาจจะเห็นหรือรู้ได้จากการอ่านตามสื่อต่างๆ แต่แอดมินอยากบอกว่าถ้าได้ไปสัมผัสเอง
จะได้ความรู้กลับมาเยอะแยะเลยค่ะ คนประเทศเขาน่ารัก ยิ้มเก่ง 
แต่ก่อนกลับแอดมินแอบโดนแท็กซี่พาอ้อมจนมิตเตอร์แพงกว่าขาไปครึ่งต่อครึ่งเลย TT 

สุดท้ายแล้ว Part นี้อาจไม่มีอะไรมากแต่ถ้าได้สัมผัสรับรองได้ความรู้เต็มๆ
ส่วนครั้งหน้าแอดมินจะมาพูดถึงเรื่องอะไรหรือรีวิวสถานที่ใดอย่าลืมติดตามนะคะ

วันนี้แอดมินขอตัวก่อนเด้อ ไว้พบกันใหม่ค่ะ ^^